วันเสาร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2556

โครงการ “การพัฒนาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-book) เพื่อการศึกษา”

บทที่ 1
โครงการ “การพัฒนาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-book) เพื่อการศึกษา”
ผู้รับผิดชอบโครงการ  นางสาวพรชนก  สวนบุรี  รหัสนิสิต  53010110033  คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์  สาขาภาษาอังกฤษ  มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
ที่ปรึกษาโครงการ  รองศาสตราจารย์  ดร.ไชยยศ  เรืองสุวรรณ
หลักการและเหตุผล
 การจัดการศึกษาในอนาคตที่จะถึงนี้จำเป็นต้องยึดแนวทางตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด อย่างไรก็ตามการดำเนินการจัดการศึกษาทั้งในปัจจุบัน และในอนาคตคงปฏิเสธไม่ได้ถึงความจำเป็นต่อการนำเอาเทคโนโลยีมาใช้เพื่อดำเนินการจัดการศึกษา คณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติได้ตระหนักถึงความจำเป็นในประเด็นนี้จึงได้นำเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาบรรจุลงไปในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติอย่างเน้นหนัก และชัดเจน รัฐบาลต้องส่งเสริม และสนับสนุนให้มีการผลิต และพัฒนาแบบเรียนตำรา หนังสือทางวิชาการสื่อสิ่งพิมพ์อื่น วัสดุอุปกรณ์ และเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาอื่นโดยเร่งรัดพัฒนาขีดความสามารถในการผลิต จัดให้มีเงินสนับสนุนการผลิต และมีการให้แรงจูงใจแก่ผู้ผลิต และพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา ทั้งนี้โดยเปิดให้มีการแข่งขันโดนเสรีอย่างเป็นธรรม (พรบ.การศึกษา มาตรา 64 ) แนวการจัดการศึกษาตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ได้กล่าวถึงกระบวนการจัดการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับความสนใจ ความถนัดของผู้เรียน โดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล เน้นฝึกฝนทักษะสำคัญ คือ กระบวนการคิด การจัดการ การเผชิญสถานการณ์การประยุกต์ความรู้มาใช้เพื่อป้องกัน และแก้ไขปัญหา การจัดกระบวนการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ โดยจัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง ฝึกปฏิบัติให้ทำได้ คิดเป็นทำเป็นใฝ่เรียนใฝ่รู้อย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ(อัญชลี สวัสล้ำ 2556 : 1) จึงเป็นภาระงานที่สำคัญ และมีคุณค่าต่อความเป็นบุคลากรทางการศึกษามืออาชีพในยุคโลกาภิวัฒน์ ที่จะต้องออกแบบ สื่อหรือนวัตกรรมทางเทคโนโลยีเพื่อใช้ในการจัดการเรียนการสอนที่กระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดความสนใจอยากเรียนรู้ มีความสุขจากการเรียน ย่อมจะทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างมีความสุข เข้าใจในสิ่งที่ครูต้องการถ่ายทอด หรือสามารถสอนเด็กให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ได้โดยเร็ว จากผลการประเมินของสมศ.สรุปได้ว่ามีสถานศึกษาที่ไม่ผ่านการรับรองมาตรฐานทั้งระดับปฐมวัยและระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน 4,322 แห่งจากจำนวนสถานศึกษาที่เข้าร่วมการประเมินจำนวน 2,0374 แห่งคิดเป็นร้อยละ 22.21 และในจำนวนสถานศึกษาที่ไม่ผ่านการรับรองนี้พบว่ามาตรฐานผู้เรียนด้านผลสัมฤทธิ์การคิดวิเคราะห์การใฝ่เรียน (มาตรฐานที่ 4, 5, และ6) มีคุณภาพระดับดีขึ้นไปไม่ถึงร้อยละ 50 ของจำนวนสถานศึกษาทั้งหมด (สานักทดสอบทางการศึกษา. 2553 : 1) ทำให้มีผู้สนใจพัฒนาผู้เรียนด้านการคิดกันอย่างแพร่หลาย หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-book เป็นสื่อเทคโนโลยีอีกประเภทหนึ่งที่จะช่วยพัฒนาทางครูหรือ บุคลากรทางการศึกษา และพัฒนาผู้เรียนให้มีทักษะด้านการคิดตามที่มาตรฐานการศึกษากำหนด  หนังสืออิเล็กทรอนิกส์หรือ e-book ย่อมาจากคำว่า electronic book หมายถึงหนังสือที่สร้างขึ้นด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ มีลักษณะเป็นเอกสารอิเล็กทรอนิกส์  โดยปกติมักจะเป็นแฟ้มข้อมูล ที่สามารถอ่านเอกสารผ่านทางหน้าจอคอมพิวเตอร์ทั้งระบบออฟไลน์และออนไลน์ คุณลักษณะของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์สามารถเชื่อมโยงจุดไปส่วนต่าง ๆของหนังสือของหนังสือเว็บไซด์ต่าง ๆตลอดจนมีปฏิสัมพันธ์ และโต้ตอบกับผู้เรียนได้ นอกจากนี้หนังสืออีเล็กทรอนิกส์ยังสามารถแทรกภาพ เสียง ภาพเคลื่อนไหว แบบทดสอบ และสามารถสั่งพิมพ์เอกสารที่ต้องการออกทางเครื่องพิมพ์ได้ ที่สำคัญก็คือหนังสืออีเล็กทรอนิกส์ สามารถปรับปรุงข้อมูลให้ทันสมัยได้ตลอดเวลา ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้จะไม่มีในหนังสือธรรมดาทั่วไป หนังสืออีเล็กทรอนิกส์( e-book) ต่างจากหนังสือทั่วไป ดังนี้
1.  หนังสือทั่วไปใช้กระดาษ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ไม่ใช้กระดาษ
2.  หนังสือทั่วไปมีข้อความและภาพประกอบธรรมดาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์สามารถสร้างภาพให้เคลื่อนไหวได้
3.  หนังสือทั่วไปไม่มีเสียงประกอบ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์สามารถใส่เสียงประกอบได้
4.  หนังสือทั่วไปแก้ไขปรับปรุงได้ยาก หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ สามารถแก้ไขปรับปรุงข้อมูล (update)ได้ง่าย
5.  หนังสือทั่วไปสมบูรณ์ในตัวเอง หนังสืออิเล็กทรอนิกส์สามารถสร้างจุดเชื่อมโยง(link) ออกไปเชื่อมต่อกับข้อมูลภายนอกได้
6.  หนังสือทั่วไปต้นทุนการผลิตสูง หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ต้นทุนในการผลิตหนังสือต่ำ ประหยัด
7.  หนังสือมีขีดจำกัดในการจัดพิมพ์ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ไม่มีขีดจำกัดในการจัดพิมพ์ สามารถทำสำเนาได้ง่าย ไม่จำกัด
8.  หนังสือทั่วไปเปิดอ่านจากเล่ม หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ต้องอ่านด้วยโปรแกรมผ่านทางหน้าจอคอมพิวเตอร์
9.  หนังสือทั่วไปอ่านได้อย่างเดียว หนังสืออิเล็กทรอนิกส์อ่านได้และยังสั่งพิมพ์ (print)ได้
10.  หนังสือทั่วไปอ่านได้ 1 คนต่อ หนึ่งเล่ม หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ 1 เล่ม สามารถอ่านได้
พร้อมกันได้จำนวนมาก หนังสือทั่วไปพกพาลำบากหากมีจำนวนหลายเรื่อง หลายเล่ม หนังสืออิเล็กทรอนิกส์พกพาสะดวกครั้งละจำนวนมากในรูปแบบของไฟล์คอมพิวเตอร์ ใน Handy Drive หรือ CD
การสร้างหนังสืออิเล็กทรอนิกส์(e-book)ให้มีคุณภาพ และสามารถนำไปใช้ได้ดี ผู้สร้างต้องใช้ทักษะต่าง ๆ มากมาย ได้แก่ ทักษะการใช้คอมพิวเตอร์  ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้ซอฟต์แวร์  ทักษะการสืบค้นข้อมูล ทักษะการออกแบบ ดังนั้นการสร้างหนังสืออิเล็กทรอนิกส์จึงต้องใช้ทั้ง ความรู้ ทักษะ เทคนิคกระบวนการต่าง ๆ เกี่ยวกับการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์นี้เป็นอย่างดี จึงจะสามารถสร้างหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่มีคุณภาพ และเกิดประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ได้
วัตถุประสงค์ของการศึกษา
1.  เพื่อศึกษาการพัฒนาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-book)
2.  เพื่อศึกษาการสร้างหนังสืออิเล็กทรอนิกส์
3.  เพื่อหาประสิทธิภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่สร้างขึ้นให้ได้ประสิทธิภาพตามเกณฑ์ที่กำหนด (80/80)
สมมติฐานของการศึกษา
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่สร้างขึ้นมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ที่กำหนด (80/80)
ขอบเขตของการศึกษา
การศึกษาครั้งนี้ มุ่งพัฒนาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ และเพื่อให้การศึกษาเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ผู้ศึกษาได้กำหนดขอบเขตการศึกษา ดังนี้
ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
1. ประชากร
ประชากรเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มโรงเรียนโนนดินแดง อำเภอ
โนนดินแดงแดง จังหวัดบุรีรัมย์ จำนวน 441 คน
2.   กลุ่มตัวอย่าง
กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนโนนดินแดง อำเภอ
โนนดินแดงแดงได้มาโดยการสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling) โดยวิธีจับสลากกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการทดสอบหาประสิทธิภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์แบบเดี่ยว แบบกลุ่มและภาคสนาม ดังนี้
2.1  กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการทดสอบหาประสิทธิภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์แบบ แบบเดี่ยว จำนวน 3 คน
2.2  กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการทดสอบหาประสิทธิภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์
แบบกลุ่ม จำนวน 9 คน
2.3  กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการทดสอบหาประสิทธิภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์
แบบภาคสนาม จำนวน 30 คน
เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา
1. หนังสืออิเล็กทรอนิกส์  
2. แบบประเมินคุณภาพหนังสืออิเล็กทรอนิกส์
3. แบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
ตัวแปรที่ศึกษา
 การศึกษาครั้งนี้มีตัวแปรที่ศึกษา 2 ตัวคือ
 1.  ตัวแปรต้นหรือตัวแปรอิสระ คือ ประสิทธิภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ที่ผู้ศึกษาสร้างขึ้น
 2.  ตัวแปรตาม คือ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนที่ได้เรียนเนื้อหาจาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์   
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
ได้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80
เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 
ในการศึกษาค้นคว้าครั้งนี้  ผู้ศึกษาได้ศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง  โดยแบ่งเป็น
หัวข้อต่างๆ ดังต่อไปนี้
 1. หนังสืออิเล็กทรอนิกส์
 2. การผลิตและการออกแบบหนังสืออิเล็กทรอนิกส์
 3. งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์
 1. ความหมายและธรรมชาติของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์
  1.1  ความหมายของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ 
  หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ยังไม่ได้บัญญัติศัพท์ที่ใช้ในภาษาไทยอย่างเป็นทางการ  แต่กระนั้นก็ได้มีผู้ให้คำนิยามเกี่ยวกับหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ไว้หลายท่านด้วยกัน  สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ลักษณะด้วยกัน  คือ  ในลักษณะของซอฟท์แวร์, ฮาร์ดแวร์ และในลักษณะที่เป็นทั้งซอฟท์แวร์และฮาร์ดแวร์
  1.1.1 ความหมายของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ในลักษณะของซอฟท์แวร์
   หนังสืออิเล็กทรอนิกส์หมายถึง หนังสือเล่มที่ถูกดัดแปลงให้อยู่ในรูปอิเล็กทรอนิกส์ผู้อ่านสามารถอ่านข้อมูลได้จากจอคอมพิวเตอร์ มีลักษณะข่าวสารเป็นแบบพลวัต หากต้องการปรับปรุงข้อมูลก็สามารถทำได้โดยดึงข้อมูล (Download) มาจากอินเตอร์เน็ต หรือซีดีรอม หนังสืออิเล็กทรอนิกส์มีความสามารถในการทาไฮเปอร์เท็กซ์, ค้นหาข้อความ , ทำหมายเหตุประกอบ และการทำสัญลักษณ์ใจความสำคัญ (พิชญ์ วิมุกตะลพ, 2538 : 214; Barker , 1992 : 139 ; Gates,1995 : 139 ; “Whatare E- Books?”,1999 : 1; “NetLingo :The Internet Language Dictionary”, 1999 : 1 “High-Tech Dictionary Definition”, 1999 : 1 “Electronic Book”, 1999 : 1; Reynolds and Derose.2535 : 263, อ้างถึงใน สุชาดา โชคเหมาะ,2539 : 1-2)
  1.1.2 ความหมายของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ในลักษณะของฮาร์ดแวร์
  “TechEncyclopedia” (1999 : 1) กล่าวว่า  หนังสืออิเล็กทรอนิกส์เป็นอุปกรณ์
ฉบับกระเป๋าซึ่งสามารถแสดงข้อมูลที่อยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ สามารถจัดทำสำเนาได้ ทำบุ๊คมาร์คและทำหมายเหตุประกอบได้  “Electronic Book – Webopedia Definition” (1999 : 1) ได้กล่าวถึงหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ออกเป็น 2 รูปแบบ คือ ร็อคเก็ตอีบุ๊ค (Rocket Ebook)  ของนูโวมีเดีย  เป็นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ฉบับกระเป๋า  พกพาสะดวกด้วยน้ำหนักเพียง 22  ออนซ์  เก็บข้อมูลได้ถึง 4000 หน้ากระดาษ  การเปิดพลิกหน้าร็อกเก็ตอีบุ๊คให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับการเปิดหนังสือจริงสามารถทำแถบสว่าง (Highlight),ทำหมายเหตุประกอบ,ค้นหาคำ  และสร้างบุ๊คมาร์คได้ หากต้องการปรับปรุงข้อมูลก็สามารถติดต่อไปยังร้านหนังสือหรือเครือข่ายอินเตอร์เน็ต  สำหรับรูปแบบที่ 2 คือ ซอฟท์บุ๊ค (Softbook) ของซอฟท์บุ๊คเพรส มีลักษณะคล้ายกับร็อคเก็ตบุ๊ค  มีความจุตั้งแต่ 1,500  ไปจนถึง 1 ล้านหน้ากระดาษ
1.1.3 ความหมายหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นทั้งซอฟท์แวร์และฮาร์ดแวร์  ได้มีผู้ให้ความหมายดังนี้
  “What  is an E-Book”(1999 : 1) ได้ให้ความหมายของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ไว้ว่า  หนังสืออิเล็กทรอนิกส์เป็นหนังสือทั้งที่มีและไม่มีตัวจริง  โดยมีรูปแบบการอ่าน 3 แนว  คือดึงข้อมูลออกมาและพิมพ์โดยผู้ใช้งาน, อ่านโดยตรงจากจอคอมพิวเตอร์ และใช้อ่านโดยเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์อื่น  ได้แก่ ไลเบรีย์สมิลลิเนียมอีบุ๊ครีดเดอร์ (Librius Millennium Ebook Reader), ร็อคเก็ตบุ๊ค  เป็นต้น
  จากความหมายที่กล่าวมาทั้ง 3  ลักษณะ  สามารถสรุปได้ว่า  หนังสืออิเล็กทรอนิกส์  หมายถึง การนำหนังสือหนึ่งเล่มหรือหลายๆเล่ม มาออกแบบใหม่ให้อยู่ในรูปของอิเล็กทรอนิกส์โดยปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลเหล่านั้นให้อยู่ในรูปของตัวอักษร,ภาพนิ่ง,ภาพเคลื่อนไหว,เสียง,ลักษณะที่โต้ตอบกันได้ (interactive) และการเชื่อมโยงแบบไฮเปอร์เท็กซ์  สามารถทำบุ๊คมาร์กและหมายเหตุประกอบตามที่ผู้ใช้ต้องการได้  โดยอาศัยพื้นฐานของหนังสือเล่มเป็นหลัก
  หนังสืออิเล็กทรอนิกส์จะแจกต่างจากหนังสือเล่มในการพลิกหน้า โดยที่ไม่ได้มีการพลิกหน้าจริง  หากแต่เป็นไปในลักษณะของการซ้อนทับกัน  (Barker and singh, 1985 , quoted in barker and Manji,1991 : 276)สิ่งที่แตกต่างกันระหว่างหนังสืออิเล็กทรอนิกส์  กับหนังสือเล่มอย่างเด่นชัดนั้นก็คือ การปฏิสัมพันธ์ และความเป็นพลวัต (Barker,1996 : 14) ๙งอาจแตกต่างกันบ้างในหนังสืออิเล็กทรอนิกส์แต่ละเล่ม  ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์การใช้งาน  และการปฏิสัมพันธ์จากผู้อ่าน  หนังสืออิเล็กทรอนิกส์มีหน้าปกเพื่อบอกข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับหนังสือ  หากใน 1 หน้ามีข้อมูลเป็นหน้าคู่  ด้านซ้ายมือเป็นหน้าซ้าย ด้านขวามือเป็นหน้าขวา กดปุ่มไปหน้าก็จะไปยังหน้าต่อไป กดปุ่มถอยหลังจะกลับไปหน้าก่อนนอกจากนี้ยังสามารถกระโดดข้ามไปยังหน้าที่ผู้อ่านต้องการได้อีกด้วย หน้าสุดท้ายจะเป็นหน้าก่อนออกจากโปรแกรม ถึงแม้ว่าหนังสืออิเล็กทรอนิกส์จะคล้ายกับหนังสือมาก แต่ข้อจำกัดที่มีอยู่มากมายในหนังสือเล่มไม่สามารถส่งอิทธิพลมายังหนังสืออิเล็กทรอนิกส์แต่อย่างใด
 2. ข้อดีและข้อจำกัดของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ 
  2.1 ข้อดีของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์  มีข้อดีดังต่อไปนี้
  2.1.1. เป็นสื่อที่รวมเอาจุดเด่นของสื่อแบบต่างๆมารวมอยู่ในสื่อตัวเดียว  คือสามารถแสดงภาพ  แสง เสียง ภาพเคลื่อนไหว  และการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้
  2.1.2 ช่วยให้ผู้เรียนเกิดพัฒนาการเรียนรู้และเข้าใจเนื้อหาวิชาได้เร็วขึ้น (สิทธิพร  บุญญานุวัตร,2540 : 24)
   2.1.3  ครูสามารถใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ในการชักจูงผู้เรียนในการอ่าน,การเขียน,การฟัง และการพูดได้ (Roffey, 1995)
   2.1.4 มีความสามารถในการออนไลน์ผ่านเครือข่าย  และเชื่อมโย
ไปสู่โฮมเพจและเวปไซต์ต่างๆอีกทั้งยังสามารถอ้างอิงในเชิงวิชาการได้
   2.1.5  หากหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ออนไลน์ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตหรืออินทราเน็ต จะทำให้กระจายสื่อได้อย่างรวดเร็ว  และกว้างขวางกว่าสื่อที่อยู่ในรูปสิ่งพิมพ์ (“ หนังสือพิมพ์ออนไลน์นวัตกรรมแห่งสื่ออนาคต”, 2541 : 60)
   2.1.6  สนับสนุนการเรียนการสอนแบบห้องเรียนเสมือนจริง  ห้องสมุดเสมือนและห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ 
   2.17  มีลักษณะไม่ตายตัว  สามารถแก้ไขปรับปรุงเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา  อีกทั้งยังสามารถเชื่อมโยงไปสู่ข้อมูลที่เกี่ยวข้องได้โดยใช้ความสามารถของไฮเปอร์เท็กซ์
   2.1.8 ในการสอนหรืออบรมนอกสถานที่  การใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์จะช่วยให้เกิดความคล่องตัวยิ่งขึ้น  เนื่องจากสื่อสามารถสร้างเก็บไว้ในแผ่นซีดีได้ ไม่ต้องหอบหิ้วสื่อซึ่งมีจำนวนมาก
   2.1.9 การพิมพ์ทำได้รวดเร็วกว่าการใช้กระดาษ  สามารถทำสำเนาได้เท่าที่ต้องการ  ประหยัดวัสดุในการสร้างสื่อ  อีกทั้งยังช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอีกด้วย
   2.1.10 มีความทนทาน  และสะดวกแก่การเก็บบำรุงรักษา  ลดปัญหาการเก็บเอกสารย้อนหลังซึ่งต้องใช้เนื้อที่หรือบริเวณกว้างในการจัดเก็บ  สามารถรักษาหนังสือหายากและต้นฉบับเขียนไม่ให้เสื่อมคุณภาพ
   2.1.11  ช่วยให้นักวิชาการและนักเขียนสามารถเผยแพร่ผลงานเขียนได้อย่างรวดเร็ว
2.2 ข้อจำกัดของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์  ถึงแม้ว่าหนังสืออิเล็กทรอนิกส์จะมีข้อดีที่สนับสนุนด้านการเรียนการสอนมากมายแต่ก็ยังมีข้อจำกัดด้วยดังต่อไปนี้
   2.2.1  คนไทยส่วนใหญ่ยังคงชินอยู่กับสื่อที่อยู่ในรูปกระดาษมากกว่า (“หนังสือพิมพ์ออนไลน์นวัตกรรมสื่อแห่งอนาคต”, 2541 : 60) อีกทั้งหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ยังไม่สามารถใช้งานได้ง่ายเมื่อเทียบกับสื่อสิ่งพิมพ์  และความสะดวกในการอ่านก็ยังน้อยกว่ามาก
   2.2.2  หากโปรแกรมสื่อมีขนาดไฟล์ใหญ่มากๆ  จะทำให้การเปลี่ยนหน้าจอมีความล่าช้า
   2.2.3  การสร้างหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่ดี  ผู้สร้างต้องมีความรู้และความชำนาญในการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์และการสร้างสื่อดีพอสมควร
   2.2.4  ผู้ใช้สื่ออาจไม่ใช่ผู้สร้างสื่อฉะนั้นการปรับปรุงสื่อจึงทำได้ยากหากผู้สอนไม่มีความรู้ด้านโปรแกรมคอมพิวเตอร์
   2.2.5 ใช้เวลาในการออกแบบมาก  เพราะต้องใช้ทักษะในการออกแบบเป็นอย่างดี  เพื่อให้ได้สื่อที่มีคุณภาพ
  3. การใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ในการเรียนการสอน
   ในอดีตสื่อการศึกษาที่เริ่มต้นใช้ในการเรียนการสอน  คือสื่อสิ่งพิมพ์ซึ่งใช้กันมานานหลายร้อยปี  และยังคงใช้กันอยู่อย่างแพร่หลายในปัจจุบัน  ทั้งนี้เพราะเป็นสื่อที่มีประสิทธิภาพสูง (เอี่ยม  ฉายางาม, 2534 : 14) ถึงแม้ว่าสื่อสิ่งพิมพ์เป็นสื่อที่ไม่มีวันหายไปจากวงการเรียนการสอนได้เลย  แม้เวลาจะผ่านไปอีกร้อยปีหรือพันปีข้างหน้า แต่อาจจะมีการเปลี่ยนรูปแบบเป็นไฮเปอร์เทกซ์แทน (ชัยยงค์ พรหมวงศ์, 2534 : 5) เทคโนโลยีไฮเปอร์เทกซ์เป็นเทคโนโลยีที่อำนวยความสะดวกแก่การคิดของมนุษย์  และสอดคล้องกับธรรมชาติส่วนใหญ่ของมนุษย์ที่ไม่ชอบคิดอะไรต่อเนื่องกันยาวๆ อยู่เพียงเรื่องเดียว (ครรชิต  มาลัยวงศ์, 2534 : 16) ไฮเปอร์เทกซ์จะแสดงข้อความในรูปแบบที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถกระโดดจากเนื้อหาหนึ่งไปยังอีกเนื้อหาหนึ่งง่ายดาย  หรือเจาะลึกไปยังเนื้อหาเรื่องใดเรื่องหนึ่งได้มากเท่าที่ต้องการ  เทคโนโลยีไฮเปอร์เทกซ์ไม่ได้เข้ามาแทนที่ในหนังสือหรือสิ่งพิมพ์  หากแต่จะช่วยฟื้นฟูบทบาทของหนังสือให้มีความสำคัญดังเดิม (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ, 2540 : 223)
  หนังสืออิเล็กทรอนิกส์เป็นสื่อที่ใช้ความสามารถของไฮเปอร์เทกซ์สนับสนุนการเรียนรู้ทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการเรียนการสอนทางไกล, การเรียนที่ยืดหยุ่น,สนับสนุนการเรียนรู้รายบุคคล และการเรียนแบบร่วมมือในการเรียนการสอนทางไกล (Barker,1996 : 16) โดยสามารถใช้เป็น”เครื่องช่วยสอน” (Instrutional) ทั้งนี้เนื่องจากเป็นเครื่องมือในการสอน และอุปกรณ์ที่ให้ความรู้ที่หนังสือธรรมดาไม่สามารถจะให้ได้ด้วยลักษณะการปฏิสัมพันธ์,น้ำหนักเบาพกพาได้สะดวก,ใช้งานง่ายตลอดจนพฤติกรรมที่เป็นพลวัต หนังสืออิเล็กทรอนิกส์บางประเภทสามารถที่จะนำไปประยุกต์ใช้เป็นรูปแบบการเรียนรู้ส่วนบุคคลของผู้อ่าน  มีการดัดแปลงรูปร่างภายนอกของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ในการนำเสนอเพื่อให้ผู้เรียนรู้สึกชอบและอยากเรียนรู้ (Collis,1991 : 356) ได้แก่  การออกแบบเป็นเครื่องแบบกระเปาหิ้วที่มีน้ำหนักเบา  พกพาสะดวด  หน้าจออ่านง่ายสบายตา  และได้รับการออกแบบอย่างสวยงามหุ้มด้วยหนังหรือวัสดุอย่างดี  หน้าจออ่านง่ายสบายตา  มรการพลิกหน้าใกล้เคียงกับการอ่านหนังสือเล่ม  มีการคาดการณ์กันว่าหนังสืออิเล็กทรอนิกส์จะประสบผลสำเร็จในการเรียนการสอน  ภายหลังจากศตวรรษที่ 20 อย่างแน่นอน (Diana and Hieden, 1994 : 113) ตัวอย่างการนำหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ไปใช้ในการสอนมีดังนี้
  ปี 1990  บีเนสท์ (Benest, 1990,quoted in Barker, 1996 : 16) ได้มีการจินตนาการภาพไว้ว่าจะมีการใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ในลักษณะของ  การเรียนโดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วย (Computer – Assisted Learning) สำหรับนักศึกษาในมหาวิทยาลัย  เขาใช้ซอฟท์แวร์เลียนแบบหนังสือในการค้นหาการสอนแบบอิเล็กทรอนิกส์ในลักษณะของ “เลกเชอร์ออนไลน์”  เขากล่าวว่า  จะทำให้เสียเวลาในการเรียนแบบบรรยายลดลง  และใช้เวลาที่เหลือในการทำกิจกรรมอื่น  เช่น  กิจกรรมแก้ปัญหา, การฝึกปฏิบัติ,การอภิปรายกลุ่มและการช่วยกันทำงาน  เป็นต้น  การเริ่มต้นออกแบบและผลิตหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เพื่อการสอนนั้นบาร์คเกอร์ และกิลเลอร์ (Barker (1991,1993)and Giller (1992), quoted in Barker, 1996 : 16) ได้ทดลองหนังสืออิเล็กทรอนิกส์กับเด็กวัยรุ่นเป็นชุดปฏิสัมพันธ์แบบไฮเปอร์มีเดียโดยใช้เรื่องราวของการสำรวจ  และเกมที่สอนเกี่ยวกับอักขระภาษาอังกฤษบนซีดีรอม ต่อมาก็ได้ศึกษาเรื่องมัลติมีเดียแบบปฏิสัมพันธ์เพื่อการสอนเรื่องภาษาฝรั่งเศสซึ่งพิมพ์ลงบนซีดีรอม  ตลอดจนการทดลองการสอนโดยใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ในการสอนเปรียบเทียบกับวิธีอื่นๆ  (Barker,1994,quoted in Barker,1996 : 16) ได้ใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ในการนำเสนอภาพยนตร์  ซึ่งได้รับผลสำเร็จด้วยดีในการศึกษาผู้ใหญ่  จากการวิเคราะห์การศึกษาข้างต้นในแนวลึกนั้นพบว่าได้รับผลที่น่าพึงพอใจในการใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์เก็บและเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเพื่อการสอน
  การใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ในการเรียนการสอน  นอกจากผู้เรียนจะได้รับความรู้จากตัวหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เองแล้ว  ยังสามารถหาความรู้เพิ่มเติมได้จากเวปไซต์ที่เกี่ยวข้องได้อีกด้วยเพื่อกระต้นให้ผู้เรียนเกิดความตื่นตัวในการเรียนรู้  ซึ่งเหมาะกับผู้เรียนทุกระดับ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับมหาวิทยาลัยซึ่งมีเครื่องมือครบครัน
งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
              1. งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับหนังสืออิเล็กทรอนิกส์
       ตั้งแต่ปี 1990  บาร์คเกอร์และกิลเลอร์ (Barker and Giller,1992,quoted in Barker, 1992 : 144-147) ได้มีการค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาของการผลิตและการใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ให้เป็นประโยชน์  เพื่อทดลองและกำหนดแนวทางในการออกแบบและผลิตหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ซึ่งทั้งสองได้ค้นพบรูปแบบระดับสูงในการออกแบบโมเดล  และคำแนะนำในการออกแบบหนังสืออิเล็กทรอนิกส์  นอกจากนี้พวกเขายังได้มีการศึกษาเกี่ยวกับหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เป็นกรณีพิเศษ 7 ตัวอย่าง โดย 4 ตัวอย่างแรกจะเป็นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เพื่อการค้าและ 3 ตัวอย่างหลังเพื่อการวิจัยและพัฒนาในห้องทดลองดังต่อไปนี้
       1.1 เอ็นไซโคลพีเดียโกรเลียร์ (The Grolier Encyclopedia)
             เอ็นไซโคลพีเดียโกรเลียร์บนซีดีรอมเป็นตัวอย่างของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่มีเครื่องอำนวยความสะดวดในการแก้ไขข้อมูลข่าวสาร  และโน๊ตแพดไว้ได้บรรจุข้อมูลฉบับเอกสารของเอ็นไซโคลพีเดียโกรเลียร์การศึกษาของอเมริกา  ไว้รวม  21  เล่มบนซีดีรอม 1 แผ่น  สิ่งพิเศษที่มีในเอ็นไซโคลพีเดียโกรเลียร์  คือดัชนีหัวเรื่องตามลำดับอักษร, ดัชนีตามคำในเอ็นไซโคลพีเดีย (เรียงตามคำ เช่น ‘an’, ‘and’‘the’ เป็นต้น), คำเต็มมากกว่า 30,000 คำ  บทความ (รวมมากกว่า 9 ล้านคำ)
             ในการค้นหาคำจะใช้พื้นฐาน 3 ประการ  คือ ค้นหาตามดัชนีคำ (ประมาณ 136,750 คำ),ค้นหาตามดัชนีหัวเรื่อง (30,000 หัวเรื่อง)และค้นหาแบบบูลีน (Boolean Search) โดยการใช้ดัชนีคำซึ่งทำให้การค้นหาคำเป็นไปได้ง่ายขึ้น
       1.2 เอ็นไซโคลพีเดียคอมตัน (Comton ’s Multimedia Encyclopedia)
             เอ็นไซโคลพีเดียโกรเลียร์ที่ได้กล่าวถึงข้างต้นนั้นเป็นการพิมพ์ที่มีเฉพาะตัวอักษร  แต่เอ็นไซโคลพีเดียคอมตันเป็นการพิมพ์แบบมัลติมีเดียที่รวมเอตัวอักษร,เสียง และภาพเข้าไว้ด้วยกัน สามารถบรรจุตัวอักษรไว้ได้ 26 เล่ม ของเอกสารกระดาษ เอ็นไซโคลพีเดียคอมตันสามารถเก็บภาพได้มากกว่า 15000 ภาพ (ภาพถ่าย, ภาพประกอบ, แผนที่, กราฟ, และแผนภูมิ)ภาพเคลื่อนไหว 45  ภาพ, พจนานุกรมและเสียง 60 นาที (ทั้งเพลง, คำพูดและภาพเคลื่อนไหว)
        1.3 ห้องสมุดคอมพิวเตอร์ (Computer library)
              เทคโนโลยีหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ในปัจจุบันสนับสนุนการเผยแพร่ข่าวสารตลอดจนการแก้ไขห้องสมุดคอมพิวเตอร์ เป็นตัวอย่างหนึ่งของการเผยแพร่และให้บริการแก้ไข โดยบริษัทโลตัส และบริษัทซิป ซีดีรอมที่เกิดจากห้องสมุดคอมพิวเตอร์จะจัดการกับข้อมูลอย่างรวดเร็ว  โดยมีขอบเขตที่กว้างของผลิตภัณฑ์ที่มีความสัมพันธ์กับคอมพิวเตอร์และหัวข้อ เช่น ผลิตภัณฑ์พิเศษ, งานวิจารณ์, คำแนะนำด้านเทคนิค,ประวัติการผลิตสั้นๆ และอุตสาหกรรมใหม่ พวกเขาจะบรรจุอุปกรณ์ซึ่งได้กลั่นกรองมาจากเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์มากกว่า 140 เครื่อง  และธุรกิจการพิมพ์  การใช้ระบบนี้สามารถเป็นไปได้ในข้อมูลและประวัติการผลิตสั้นๆมากกว่า 11,000 รายการ
       1.4 หนังสือฝึกหัดการพูด (Discis Talking Books)
             การวิจัยความรู้ที่เกี่ยวกับการฝึกหัดได้เกิดขึ้นในประเทศแคนาดา  ในขอบเขตของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์สื่อประสมบนซีดีรอม  ตัวอย่างการพิมพ์ชนิดนี้ได้แก่ซินเดอเรลลา  นิทานกระต่ายของเบนจามิน  และนิทานเจ้ากระต่ายปีเตอร์  หนังสือชนิดนี้เป็นตัวอย่างของหนังือภาพนิทานพูดได้สำหรับเด็ก 3-9 ขวบ
  หนังสือแต่ละเล่มจะปรากฏบนหน้าจอคอมพิวเตอร์เหมือนกับการเปิดอ่านหนังสือปกติหน้าจอจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน  โดยส่วนขวามือจะเป็นตัวแสดงผล  แต่ละหน้าจะบรรจุภาพคุณภาพสูง,ตัวอักษรและไอคอนควบคุม
  ส่วนประกอบที่สำคัญแต่ละหน้าจะมีไอคอนพูดได้  ซึ่งถือว่าเป็นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์พูดได้ เมื่อกดปุ่มมันจะอ่านดังๆ  เป็นภาษาอังกฤษหรือภาษาอื่น  พร้อมกับเปิดหน้าเองโดยอัตโนมัติ(หรืออาจไม่เปิด) เมื่อปิดสวิชต์มันจะหยุดพูด  และให้ใช้ออกเสียงตามคำ,วลีหรือประโยคนั้น ระหว่างการเล่าเรื่องจะมีเสียงประกอบ  และดนตรีคลอไปด้วยการนำเสนอซึ่งเพิ่มความสมจริงสมจังเข้าไปด้วย
        1.5  หนังสืออิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้เริ่มต้นเรียนรู้
               ผลงานส่วนใหญ่ของการวิจัยบาร์คเกอร์และกิลเลอร์มักสร้างสำหรับเด็กเล็กบนซีดีรอม  หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ประภทนี้มีเจตนาที่จะผลิตเพื่อใช้เป็นหนังสือนิทานสื่อประสมอิเล็กทรอนิกส์  ใช้สอนเด็กเล็กเกี่ยวกับตัวอักษรภาษาอังกฤษ  ซึ่งได้รวบรวมเกมและแบบทดสอบย่อยเอาไว้  หนังสือนี้จะช่วยในการพัฒนาด้านการอ่านของเด็กโดยจะบรรจุนิทานที่มีการเชื่อมโยงแบบไฮเปอร์เท็กซ์เอาไว้
        1.6 การออกแบบหน้าจอสำหรับการอบรมพื้นฐานคอมพิวเตอร์
              สิ่งสำคัญในบริบทของการเก็บเอกสารสำคัญของข่าวสาร  หนังสืออิเล็กทรอนิกส์จะใช้ประโยชน์ในการเป็นทรัพยากรการสอนเช่นเดียวกับหนังสือทั่วไปๆไป เราสามารถใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์สนับสนุนการเรียนรู้ที่หลากหลายและประยุกต์ใช้ในงานการอบรม  จากความสามารถในการโต้ตอบและดัดแปลงใช้งานง่าย  หนังสืออิเล็กทรอนิกส์จึงมีความสามารถในการสอนมากกว่าหนังสือเล่ม  เพราะสามารถเป็นผู้ช่วยเหลือนักเรียนในการปฏิสัมพันธ์และประเมินผลตามหลักสูตรที่ได้ตั้งไว้  นอกจากนั้นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ยังสามารถเป็นซอฟท์แวร์การอบรมพื้นฐานคอมพิวเตอร์
              ในการค้นหาความสามารถในการสอนของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์  บาร์คเกอร์และกิลเลอร์ก็ได้ผลิตพื้นฐานการพิมพ์ออกมาใช้ชื่อว่า  การออกแบบหน้าจอสำหรับการอบรมพื้นฐานคอมพิวเตอร์ (Screen Desing for Computer-Based Training) (Barker, et al, 1990, quoted in Barker, 1992 : 146) ซึ่งได้สอนผู้ใช้เกี่ยวกับการออกแบบหน้าจอที่ดีสำหรับการอบรมพื้นฐานคอมพิวเตอร์  ประกอบด้วยการออกแบบหน้าจอ, การใช้สี, พื้นที่ฟังก์ชัน, การใช้ตัวอักษร, การใช้ภาพ, การออกแบบไอคอน, การใช้วินโดวส์และการใช้เมนู, เทคนิคการปฏิสัมพันธ์, กรณีศึกษาและแบบฝึกหัดการออกแบบ  รวมทั้งแบบทดสอบย่อยและประเมินผลความเข้าใจของผู้อ่าน
        1.7 การพิมพ์วิทยานิพนธ์บนซีดีรอม
              จากข้อดีของซีดีรอมกล่าวคือ  มีความแข็งแรงทนทาน,ความน่าเชื่อถือ,มีความสามารถในการเก็บข้อมูลสูง,มีเครื่องอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้,สามารถเก็บตัวอักษร เสียง ภาพนิ่ง  ภาพเคลื่อนไหว  และการเผยแพร่ที่สะดวกและรวดเร็ว  ได้ถูกนำมาใช้งานวิทยานิพนธ์แทนที่วิทยานิพนธ์ที่มีพื้นฐานบนกระดาษซึ่งมีข้อจำกัดมากมาย (Barker, et al,) 1992, quoted in Barker, 1992: 147) วิทยานิพนธ์เล่มแรกได้มีการจัดพิมพ์ขึ้นบนซีดีรอมได้มีการแปลงตัวหนังสือ,แผนภาพและตารางในหนังสือให้ไปอยู่บนซีดีรอม (Giller,1992,ๆquoted in Barker,1992 : 147) พื้นฐานเหล่านี้ได้ถูกนำไปขยายขอบเขตการสาธิตซอฟท์แวร์ซึ่งผลิตระหว่างการวิจัย  ในการแก้ไขข่าวสารจากซีดีรอมโดยชุดการแก้ไขข้อมูลแบบเต็มซึ่งเรียกว่า รอมแวร์ (Romware)
  ได้มีการประเมินวิทยานิพนธ์ที่มีพื้นฐานบนกระดาษกับพื้นฐานอิเล็กทรอนิกส์ปรากฏว่า พบสิ่งที่น่าสนใจ 3 อย่างของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์คือ 1. ความง่ายในการเผยแพร่ข้อมูลข่าสาร 2. งายต่อการใช้งาน 3.เพิ่มคุณค่าให้กับวิทยานิพนธ์จากซอฟต์แวร์การสาธิตและความเป็นพลวัตซึ่งเป็นที่ต้องการของผู้อ่านวิทยานิพนธ์  สิ่งสำคัญของคำถามที่ได้ค้นพบในการพิมพ์วิทยานิพนธ์ลงซีดีรอม คือ การเผยแพร่การวิจัยที่ค้นพบได้เป็นจำนวนมาก
 2. งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับกราฟิกเบื้องต้น
  จงกล เฮงสุวรรณ (2540 : บทคัดย่อ) ได้วิเคราะห์แนวโน้มหลักสูตรศิลปศึกษา  ระดับปริญญาตรีของสถาบันราชภัฎในทศวรรษหน้า  พบว่า  ในด้านเนื้อหาวิชามีการนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในการเรียนการสอนเพิ่มขึ้น  ได้แก่  วิชาคอมพิวเตอร์กราฟิก  คอมพิวเตอร์ศิลป์  คอมพิวเตอร์กราฟิก 2-3 มิติ เป็นต้น  อีกทั้งสื่อที่จะนำมาประกอบการเรียนการสอนนั้นจะเป็นสื่อที่ทันสมัย  รวมทั้งมีการนำเอาอินเตอร์เน็ตเข้ามาใช้ในการเรียนการสอน
  ธำรงศักดิ์  ธำรงเลิศฤทธิ์ (2540 : บทคัดย่อ) ได้ศึกษาทัศนะของผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาหลักสูตรและนักการศึกษาด้านศิลปศึกษาเกี่ยวกับแนวโน้มของหลักสูตรศิลปศึกษา  ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นในทศวรรษหน้า (พ.ศ. 2541-2550) โดยใช้เทคนิคเดลฟาย  พบว่า  วิดีโอและโปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอนจะเป็นสื่อการเรียนการสอนที่มีบทบาทมากขึ้นกว่าแต่ก่อน
ผู้เสนอ / ผู้รับผิดชอบโครงการ
ลงชื่อ………………………………………………
(นางสาวพรชนก  สวนบุรี)
นิสิตสาขาภาษาอังกฤษ
                              ผู้อนุมัติโครงการ
         ลงชื่อ ……………………………………………
                                                                                     (รองศาสตราจารย์  ดร.ไชยยศ  เรืองสุวรรณ)
บทที่ 2
วิธีการดำเนินการศึกษาค้นคว้า

การพัฒนาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์นี้เป็นการวิจัยและพัฒนา (Resrarch and Development) ซึ่งผู้ศึกษาได้กำหนดวิธีการดำเนินการศึกษาดังรายละเอียดที่จะเสนอตามลำดับคือ ประชากรกลุ่มตัวอย่าง  แบบแผนงานศึกษา  เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา  การสร้างเครื่องมือในการศึกษา  วิธีเก็บรวบรวมข้อมูล  วิธีดำเนินการทดลอง  และการวิเคราะห์ข้อมูลดังรายละเอียดต่อไปนี้
ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
  1.  ประชากร
                   1.1  ประชากรเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มโรงเรียนโนนดินแดง อำเภอ
โนนดินแดงแดง จังหวัดบุรีรัมย์ จำนวน 441 คน
1.2  กลุ่มตัวอย่าง
      กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนโนนดินแดง อำเภอ
โนนดินแดงแดงได้มาโดยการสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling) โดยวิธีจับสลากกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการทดสอบหาประสิทธิภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์แบบเดี่ยว แบบกลุ่มและภาคสนาม ดังนี้
              1.2.1  กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการทดสอบหาประสิทธิภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์แบบเดี่ยว จำนวน 3 คน
      1.2.2  กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการทดสอบหาประสิทธิภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์
แบบกลุ่ม จำนวน 9 คน
             1.2.3  กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการทดสอบหาประสิทธิภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์
แบบภาคสนาม จำนวน 30 คน
แบบแผนการศึกษา
 รูปแบบที่ใช้ในการทดลองครั้งนี้เรียกว่า  ทดสอบก่อนและหลังเรียนกับกลุ่มเดียว (One-Group Pretest-Posttest Desing) (Vokell,1983 : 170 - 171) มีลักษณะดังนี้
      O1 X O2
เมื่อ   O1    หมายถึง  การทดสอบก่อนการทดลอง
  X   หมายถึง  การเรียนจากหนังสืออิเล็กทรอนิกส์
   O2  หมายถึง  การทดสอบหลังการทดลอง
   โดยมีตัวแปรในการวิจัย  คือ  ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจากหนังสืออิเล็กทรอนิกส์  เรื่องกราฟิกเบื้องต้น
เครื่องมือที่ใช้การวิจัย
  เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้ประกอบด้วย 
  1. หนังสืออิเล็กทรอนิกส์  เรื่องกราฟิกเบื้องต้นซึ่งผู้วิจัยได้ออกแบบโดยอยู่บนพื้นฐานของหนังสือเล่มจำนวน  3 หน่วย คือ
   1.1 ความหมายของกราฟิก
   1.2 หลักในการออกแบบงานกราฟิก
    1.3 กราฟิกในการสื่อสารการศึกษา
  เวลาที่ใช้ในการศึกษานั้นรวมทั้งสิ้น 1 ชั่วโมง 30 นาที
  2. แบบประเมินคุณภาพหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เป็นแบบประเมินที่ดัดแปลงมาจากแบบประเมินคุณภาพสื่อมัลติมีเดียเพื่อการศึกษาของกรมวิชาการ (กรมวิชาการ, 2542) ประเมินค่าโดยผู้เชี่ยวชาญจำนวน 3 ท่าน  โดยแบ่งรายการประเมินออกเป็น 6 ด้าน คือ  ส่วนนำของบทเรียน, เนื้อหาของบทเรียน, การใช้ภาษา, การออกแบบการสอน, ส่วนประกอบด้านมัลติมีเดียและการออกแบบปฎิสัมพันธ์
  3. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน  เป็นแบบทดสอบชนิดเลือกตอบ 5 ตัวเลือกใช้เป็นแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนโดยผู้เรียนจะต้องทดสอบเป็นรายบุคคลในคอมพิวเตอร์  ซึ่งจะทราบผลการเรียนได้ทันทีที่กดปุ่มตรวจคำตอบ  พร้อมทั้งกาลงในกระดาษคำตอบที่ผู้วิจัยได้เตรียมไว้ให้เพื่อนำคะแนนที่ได้มาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล
 การสร้างเครื่องมือในการวิจัย
 1. หนังสืออิเล็กทรอนิกส์
 การสร้างบทเรียนหนังสืออิเล็กทรอนิกส์  ผู้วิจัยได้ดำเนินการตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
  1.1 ศึกษาวิเคราะห์หลักสูตรเนื้อหาวิชา 263-201 เทคโนโลยีการศึกษาในหัวข้อกราฟิกในการสื่อสารการศึกษา  และเอกสารคำสอนวิชา 263-201 เทคโนโลยีการศึกษา (รายละเอียดดูในภาคผนวก ญ)
  1.2 วิเคราะห์และเรียบเรียงเนื้อหาในขั้นตอนนี้จะวิเคราะห์เนื้อหาและแยกเนื้อหาออกเป็นหน่วยย่อยๆ
  1.3 เขียนแผนการสอน  รูปแบบแผนการสอนที่ใช้ยึดแนวของวิชัย วงษ์ใหญ่ (2525 : 175-178)ซึ่งประกอบด้วยหัวเรื่องและกำหนดเวลาเรียน,เนื้อหาสาระ,คิดรวบยอด, จุดประสงค์ของการเรียน, สื่อการเรียน, กิจกรรมการเรียนและการประเมินผล 
  1.4 แปลงแผนการสอนให้อยู่ในรูปของสตอรีบอร์ด
  1.5 คัดเลือกโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ใช้ผลิตหนังสืออิเล็กทรอนิกส์
  1.6 เตรียมทรัพยากรที่จะใช้ผลิตหนังสืออิเล็กทรอนิกส์
  1.7 ผลิตหนังสืออิเล็กทรอนิกส์
  1.8 ขั้นตอนสอบสื่อโดยผู้เชี่ยวชาญ
   1.9 ขั้นทดสอบหาประสิทธิภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์
  1.10 จัดทำสำเนาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์
  1.11 เผยแพร่หนังสืออิเล็กทรอนิกส์
2. การสร้างแบบประเมินคุณภาพหนังสืออิเล็กทรอนิกส์  เรื่อง กราฟิกเบื้องต้น
  ผู้วิจัยได้ดำเนินการสร้างแบบประเมินคุณภาพหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ตามขั้นตอนต่อไปนี้
  2.1 ศึกษาเอกสารการประเมินสื่อการสอน
  2.2 เลือกแบบประเมินคุณภาพมัลติมีเดียเพื่อการศึกษาของกรมวิชาการ (กรมวิชาการ,2542)
  2.3 ปรับปรุงแบบประเมินคุณภาพหนังสืออิเล็กทรอนิกส์  ให้สอดคล้องกับคุณสมบัติของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์
  2.4 กำหนดระดับการประเมินคุณภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ไว้ 5 ระดับ  คือ
   ดีมาก      =   5
   ดี     =   4
   ปานกลาง    =   3
   พอใช้     =   2
   ควรปรับปรุง  =   1
  ซึ่งเกณฑ์การยอมรับคุณภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์  จะพิจารณาตามคำถามแต่ละข้อข้อที่ผ่านเกณฑ์จะต้องได้คะแนนเฉลี่ยดีถึงดีมาก  และคะแนนเฉลี่ยรวมต้องไม่ต่ำกว่าเกณฑ์ดี จึงจะสามารถนำไปทดลองได้  โดยกำหนดระดับการประเมิน 5 ระดับดังนี้
  คะแนน 1.00 – 1.49  หมายถึง  คุณภาพควรปรับปรุงอย่างยิ่ง
  คะแนน 1.50 – 2.49  หมายถึง  คุณภาพควรปรับปรุง
  คะแนน 2.50 – 3.49  หมายถึง  คุณภาพอยู่ในระดับปานกลาง
  คะแนน 3.50 – 4.49  หมายถึง  คุณภาพอยู่ในระดับดี
  คะแนน 4.50 – 5.00  หมายถึง  คุณภาพอยู่ในระดับดีมาก
 3. การสร้างแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
  การสร้างแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน  เพื่อใช้เป็นแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน
  3.1 ศึกษาวิเคราะห์หลักสูตรและเรียบเรียงเนื้อหา  โดยสร้างตารางการวิเคราะห์เนื้อหา
(ภัทรา นิคมานนท์,2538 : 108-110)
  3.2 ศึกษาวิธีสร้างแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์  เทคนิคการเขียนข้อสอบ  และเทคนิคการวัดผลทางการศึกษา
  3.3 เขียนข้อสอบชนิดปรนัย 5 ตัวเลือก  โดยให้ครอบคลุมเนื้อหาและจุดประสงค์ที่ตั้งไว้
  3.4 ตรวจทานข้อสอบ นำข้อสอบที่ได้เขียนไว้แล้วมาพิจารณาทบทวนอีกครั้งโดยพิจารณาความถูกต้องตามหลักวิชา  แต่ละข้อวัดจุดประสงค์เชิงพฤติกรรมที่ต้องการหรือไม่ภาษาที่ใช้มีความชัดเจน  เข้าใจง่ายหรือไม่ ตัวถูกตัวลวงเหมาะสมเข้าเกณฑ์หรือไม่  จากนั้นปรับปรุงข้อสอบให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น
  3.5 ให้ผู้เชี่ยวชาญพิจารณาความเที่ยงตรงตามเนื้อหา  นำจุดประสงค์เชิงพฤติกรรมและข้อสอบที่สักแต่ละจุดประสงค์ไปให้ผู้เชี่ยวชาญ  และด้านเนื้อหาจำนวน 3 คน  พิจารณาว่าแต่ละข้อวัดตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้นั้นหรือไม่
การเก็บรวบรวมข้อมูล
  ผู้วิจัยดำเนินการทดลองตามขั้นตอนต่อไปนี้
  1.ขั้นตอนการก่อนการทดลอง
  1.1 ขั้นเตรียมเครื่องมือที่ใช้ในการทดลอง  ซึ่งประกอบด้วย  หนังสืออิเล็กทรอนิกส์  เรื่องกราฟิกเบื้องต้น  แบบประเมินคุณภาพหนังสืออิเล็กทรอนิกส์    เรื่องกราฟิกเบื้องต้น  แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน  และตารางเวลานัดหมายผู้เรียน
  1.2 กำหนดระยะเวลาในการทดลอง 
  1.3 ติดต่อขออนุญาตใช้ห้องคอมพิวเตอร์
  1.4 ติดต่อขออนุญาตอาจารย์รายวิชานำกลุ่มตัวอย่างมาทดลองตามวันที่ได้กำหนด
  1.5 ทดสอบความพร้อมของห้องคอมพิวเตอร์ก่อนทดลองจริง
 2. ขั้นดำเนินการทดลอง
  ผู้วิจัยได้ดำเนินการทดลองตามขั้นตอนต่อไปนี้
  2.1 ให้กลุ่มตัวอย่างที่เข้ารับการทดลองมาทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์โดยใช้เวลาประมาณ 20 นาที
  2.2 ผู้วิจัยอธิบายกลุ่มตัวอย่างให้ทราบถึงจุกประสงค์ของการทดลอง
  2.3 ให้กลุ่มตัวอย่างทดลองฝึกการทำเครื่องหมายบนใจความสำคัญ  ใช้เวลาประมาณ  10 นาที
  2.4 จากนั้นกลุ่มตัวอย่างศึกษาเนื้อหาจากหนังสืออิเล็กทรอนิกส์      เรื่องกราฟิกเบื้องต้นเป็นรายบุคคล  ผู้วิจัยจะคอยสังเกตพฤติกรรมผู้เรียนตลอดการเรียน  ในขั้นตอนนี้จะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที
  2.5 เมื่อหมดเวลา  ผู้วิจัยสอบถามถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้เรียน
  2.6 ให้กลุ่มตัวอย่างทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์  โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที
  2.7 ผู้วิจัยเก็บรวบรวมข้อมูล  โดยการตรวจให้คะแนนแบบทดสอบระหว่างเรียน  แบบทดสอบก่อนและหลังเรียนของกลุ่มตัวอย่าง  มีเกณฑ์การให้คะแนน 1 คะแนนสำหรับคำตอบที่ถูกต้อง และให้ 0 คะแนนสำหรับคำตอบที่ผิดหรือไม่ตอบ และนำคะแนนที่ได้มาหาค่า E1/ E2
การวิเคราะห์ข้อมูล
  การวิจัยครั้งนี้  ผู้วิจัยได้วิเคราะห์ข้อมูลดังนี้
  1. การหาประสิทธิภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ จากสูตร   E1/ E2 โดยนำคะแนนที่ได้จากแบบทดสอบระหว่างเรียน  และแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 
  2. ค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่างข้อคำถามกับลักษณะเฉพาะกลุ่มพฤติกรรม
  3. หาค่าระดับความยากง่ายและค่าอำนาจจำแนกของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล
สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลมีดังนี้
 1. สถิติที่เกี่ยวข้องกับหนังสืออิเล็กทรอนิกส์  จากสูตร  E1/ E2 ซึ่งดัดแปลงจาก ไชยยศ  เรืองสุวรรณ (2533 : 139) ซึ่งใช้สูตรดังนี้คือ



เมื่อ   E1  คือ ประสิทธิภาพของกระบวนการที่จัดไว้ในหนังสืออิเล็กทรอนิกส์
  เมื่อ   E2  คือ ประสิทธิภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ในการเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้เรียน
 ∑x คือ คะแนนรวมของผู้เรียน  จากการทำแบบฝึกหัด
 ∑y  คือ คะแนนที่ได้รวมของผู้เรียน จากแบบทดสอบหลังเรียน
   N แทน จำนวนผู้เรียน
  A แทน คะแนนเต็มของแบบฝึกหัด
  B แทน คะแนนเต็มของแบบทดสอบหลังเรียน
 2. สถิติที่เกี่ยวข้องกับแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์
1.1 ค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่างข้อคำถามกับลักษณะเฉพาะกลุ่มพฤติกรรม
(พวงรัตน์ ทวีรัตน์, 2540 : 117)

เมื่อ IC    คือ ดัชนีความสอดคล้องระหว่างข้อคำถามกับลักษณะพฤติกรรม
 R   คือ  ผลรวมของคะแนนความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญเนื้อหาทั้งหมด
 N คือ จำนวนผู้เชี่ยวชาญ
        2.2  หาค่าระดับความยากง่ายและค่าอำนาจจำแนก (ภัทรา นิคมานนท์, 2532 : 138)
 
 
เมื่อ R    คือ จำนวนผู้ตอบถูกในแต่ละข้อ
 N คือ จำนวนผู้เข้าสอบทั้งหมด
 r คือ ค่าอำนาจจำแนกเป็นรายข้อ
 RU คือ จำนวนผู้ที่ตอบถูกต้องในข้อนั้นในกลุ่มเก่ง
 Re คือ จำนวนผู้ที่ตอบถูกในข้อนั้นในกลุ่มอ่อน
บทที่ 3
ผลการศึกษาค้นคว้า

ในบทนี้จะเป็นการนำเสนอเฉพาะผลที่ได้จากการทดสอบหาประสิทธิภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์
1 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล
1. ผลการทดลองครั้งที่ 1
 การทดลองหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ครั้งที่ 1 มีจุดมุ่งหมายเพื่อที่จะพิจารณาหาข้อบกพร่องในด้านความถูกต้องของการใช้ภาษา รูปภาพที่ใช้ เวลาที่เหมาะสมในการทดลอง ข้อผิดพลาดจากการใช้โปรแกรมต่างไปจากการที่ผู้วิจัยได้ออกแบบไว้
   1.1 ข้อบกพร่องในการทดลองครั้งที่ 1
 1.1.1 ขาดคำแนะนำลำดับขั้นตอนการเรียน ทำให้ผู้เรียนเกิดความสับสนว่า ควรเริ่มต้นเรียนตรงไหนก่อน-หลัง
 1.1.2 การควบคุมเส้นทางการดำเนินบทเรียนไม่ชัดเจน ทำให้เกิดความสับสนในผู้เรียนบางคน
 1.1.3 ผู้เรียนมักเปิดไฟล์ exe ทิ้งไว้โดยไม่ปิด ทำให้การอ่านบทเรียนเป็นไปได้ช้า
 1.1.4 ผู้เรียนสับสนในการทำแบบทดสอบ เนื่องจากไม่ได้อ่านคำแนะนำซึ่งผู้วิจัยได้ทำเป็นปุ่มไว้ให้อ่านก่อนทำแบบทดสอบ
 1.1.5 มีการจัดหน้าแน่นจนเกินไป
 1.1.6 ขาดการเชื่อมโยงความรู้จากเรื่องที่ได้เรียนมา
 1.1.7 เนื้อหากับภาพที่ใช้บางภาพไม่สัมพันธ์กัน
 1.1.8 มีการพิมพ์ผิดหลายแห่ง
  สำหรับพฤติกรรมที่ผู้ศึกษาสังเกตได้ระหว่างการทดลองนั้นพบว่า ผู้เรียนมีความตั้งใจในการเรียนหนังสืออิเล็กทรอนิกส์มาก และจากการสัมภาษณ์หลังจากเรียนเสร็จแล้ว ผู้เรียนรู้สึกพึงพอใจในการเรียนจากหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ จากการมีปฏิสัมพันธ์กับเครื่องคอมพิวเตอร์ ตลอดจนการมีรูปภาที่สวยงาม ทำให้ผู้เรียนสามารถเรียนบทเรียนที่มีเนื้อหายาวมากๆ ได้ โดยไม่เบื่อหน่าย (Rowmiszowski, 1994:8)
 1.2 ผลการปรับปรุงหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ครั้งที่ 1 ผู้ศึกษาได้นำข้อบกพร่องที่พบมาปรับปรุงหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ดังนี้
  1.2.1 เพิ่มคำแนะนำลำดับการเรียนก่อน-หลัง
  1.2.2 ปรับปรุงเส้นทางการดำเนินบทเรียนใหม่ให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น
  1.2.3 กำหนดไฟล์ exe ให้ปิดอัตโนมัติ หากถึงเวลาที่ได้กำหนดไว้
  1.2.4 เพิ่มคำชี้แจงก่อนการทำข้อสอบ เพื่อเน้นให้ผู้เรียนได้อ่านคำชี้แจงก่อนทำแบบทดสอบ
  1.2.5 ปรับการจัดหน้าให้มีพื้นที่ว่างมากขึ้น
  1.2.6 มีการเชื่อมโยงความรู้จากเรื่องที่ได้เรียนมา
  1.2.7 ปรับเปลี่ยนภาพที่ไม่ตรงกับเนื้อหาเสียใหม่
  1.2.8 แก้ไขคำผิด
2. ผลการทดลองครั้งที่ 2
   การทดลองครั้งที่ 2 มีจุดมุ่งหมายเพื่อที่จะหาประสิทธิภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 และเพื่อตรวจสอบข้อบกพร่องของสื่อ โดยใช้กลุ่มตัวอย่างจำนวน 9 คน
 2.1 ผลการตรวจสอบประสิทธิภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์
   จากการทดสอบหาประสิทธิภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ โดยให้กลุ่มตัวอย่างทำแบบทดสอบระหว่างเรียนและหลังเรียน เพื่อทำคะแนนที่ได้ไปวิเคราะห์เปรียบเทียบเกณฑ์มาตราญาน 80/80 ไดเผลดังตาราง
ตารางที่ 1 ประสิทธิภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ในการทดลองหาประสิทธิภาพแบบกลุ่ม
เครื่องมือที่ใช้วัด จำนวนกลุ่มตัวอย่าง คะแนนเต็ม
(ทั้งฉบับ) คะแนนเต็ม (ทุกคน) คะแนนรวมที่ได้ (ทุกคน) E
แบบทดสอบระหว่างเรียน 9 20 180 148.5 82.50
แบบทดสอบหลังเรียน 9 20 180 152 84.44
   จากตารางที่ 1 จะเห็นได้ว่า ผู้เรียนทำแบบฝึกหัดระหว่างเรียนได้ถูกต้องเฉลี่ยน 82.50 และแบบทดสอบระหว่างเรียนได้ถูกต้องเฉลี่ยร้อยละ 84.44 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 80/80
 2.2 ข้อบกพร่องในการทดลองครั้งที่ 2 และผลการปรับปรุงหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ครั้งที่ 2
  2.2.1 ข้อบกพร่องในการทดลองครั้งที่ 2 การทดลองหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ครั้งที่ 2 มีจุดมุ่งหมายเพื่อที่จะหาข้อบกพร่องต่างๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งพบว่า
   2.2.1.1 ปุ่มออกจากบทเรียนในหน้าจอหลัก และปุ่มออกจากหน้าไฮเปอร์เท็กซ์ มาที่หน้าจอหลักใช้คำว่า “Exit” เหมือนกัน ทำให้ผู้เรียนเกิดความสับสน
   2.2.1.2 เมื่อเปิดไฟล์ exe จะไม่มีการแสดงผลที่หน้าจอ แต่จะไปกองรวมกันอยู่ที่แถบทาสก์บาร์ (Task Bar) ล่างจอแทน ทำให้ผู้เรียนมองไม่เห็นแล้วกดเรียกชื่อใหม่เรื่อยๆ จนไม่สามารถเรียกใช้ไฟล์ exe ตัวอื่นได้
   2.2.1.3 การจัดหน้ายังแน่นอยู่ ทำให้ผู้เรียนรู้สึกอึดอัด
   2.2.1.4 หมายเลขในข้อสอบไม่ตรงกับในกระดาษคำตอบ
  2.2.2 ผลการปรับปรุงหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ครั้งที่ 2
   2.2.2.1 เปลี่ยนปุ่มออกจากหน้าไฮเปอร์เท็กซ์เป็นคำว่า “Menu” แทน
   2.2.2.2 แก้ไขไฟล์ต้นฉบับ แล้ว package ไฟล์ exe ใหม่
   2.2.2.3 ปรับการจัดหน้าให้มีพื้นที่ว่างมากขึ้น
   2.2.2.4 แก้ไขหมายเลยในข้อสอบให้ตรงกับในกระดาษคำตอบ
3. ผลการทดลองครั้งที่ 3
การทดลองครั้งที่ 3 มีจุดมุ่งหมายเพื่อที่จะหาประสิทธิภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 และเพื่อตรวจสอบข้อบกพร่องของสื่อ โดยใช้กลุ่มตัวอย่างจำนวน 30 คน

 3.1 ผลการตรวจประสิทธิภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์
  จากการทดสอบหาประสิทธิภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ โดยได้กลุ่มตัวอย่างทำแบบทดสอบระหว่างเรียนและหลังเรียน เพื่อนำคะแนนที่ได้ไปวิเคราะห์เปรียบเทียบเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 ได้ผลดังตารางที่ 2
ตารางที่ 2 ค่าประสิทธิภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ในการทดลองหาประสิทธิภาพแบบ    ภาคสนาม
เครื่องมือที่ใช้วัด จำนวนกลุ่มตัวอย่าง คะแนนเต็ม
(ทั้งฉบับ) คะแนนเต็ม (ทุกคน) คะแนนรวมที่ได้ (ทุกคน) E
แบบทดสอบระหว่างเรียน 30 20 180 545.5 90.92
แบบทดสอบหลังเรียน 30 20 180 580.0 96.67
   จากตารางที่ 2 จะเห็นได้ว่า ผู้เรียนทำแบบฝึกหัดระหว่างเรียนได้ถูกต้องเฉลี่ยร้อยละ 90.92 และแบบทดสอบระหว่างเรียนได้ถูกต้องเฉลี่ยร้อยละ 96.67 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 80/80

บทที่ 4
สรุปผลการศึกษาค้นคว้า อภิปรายและเสนอแนะ

การศึกษาค้นคว้าครั้งนี้  ผู้ศึกษาได้กำหนดวัตถุประสงค์ของการศึกษา  สมมุติฐานของการศึกษา  วิธีการดำเนินการศึกษา  เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา  การวิเคราะห์ข้อมูล  สรุปผลและการอภิปรายผลการศึกษาและข้อเสนอแนะดังนี้
วัตถุประสงค์ของการศึกษา
  1. วัตถุประสงค์ทั่วไป
       เพื่อพัฒนาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์  เรื่อง  กราฟิกเบื้องต้น
  2. วัตถุประสงค์เฉพาะ
       2.1 เพื่อสร้างหนังสืออิเล็กทรอนิกส์  เรื่องกราฟิกเบื้องต้น
       2.2 เพื่อหาประสิทธิภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่สร้างขึ้นให้ได้ประสิทธิภาพตามเกณฑ์ที่กำหนด (80/80)
สมมุติฐานของการศึกษา
  หนังสืออิเล็กทรอนิกส์  ที่ผู้ศึกษาสร้างขึ้นมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ที่กำหนด (80/80)
ขอบเขตของการศึกษา
  การศึกษาครั้งนี้  มุ่งพัฒนาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์  และเพื่อให้การศึกษาเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้  ผู้ศึกษาได้กำหนดขอบเขตการวิจัย  ดังนี้
ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
  1. ประชากร 
                   1.1  ประชากรเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มโรงเรียนโนนดินแดง อำเภอ
โนนดินแดงแดง จังหวัดบุรีรัมย์ จำนวน 441 คน
1.2  กลุ่มตัวอย่าง
      กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนโนนดินแดง อำเภอ
โนนดินแดงแดงได้มาโดยการสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling) โดยวิธีจับสลากกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการทดสอบหาประสิทธิภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์แบบเดี่ยว แบบกลุ่มและภาคสนาม ดังนี้
              1.2.1  กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการทดสอบหาประสิทธิภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์แบบเดี่ยว จำนวน 3 คน
      1.2.2  กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการทดสอบหาประสิทธิภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์
แบบกลุ่ม จำนวน 9 คน
             1.2.3  กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการทดสอบหาประสิทธิภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์
แบบภาคสนาม จำนวน 30 คน
2. ขอบเขตของเนื้อหา
  เนื้อหาวิชาที่ผู้วิจัยใช้ในการศึกษาครั้งนี้ประกอบด้วย
  2.1 ความหมายของกราฟิก
  2.2 หลักในการออกแบบงานกราฟิก
  2.3 กราฟิกในการสื่อสารการศึกษา
 3. เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
  เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ประกอบด้วย
  3.1  หนังสืออิเล็กทรอนิกส์    เรื่อง กราฟิกเบื้องต้น
  3.2 แบบประเมินคุณภาพหนังสืออิเล็กทรอนิกส์      เรื่องกราฟิกเบื้องต้น
  3.3 แบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
 4. ตัวแปรที่ศึกษา
  การวิจัยครั้งนี้มีตัวแปรที่ศึกษา 2 ตัวคือ
  4.1 ตัวแปรต้นหรือตัวแปรอิสระ  คือ ประสิทธิภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์      เรื่องกราฟิกเบื้องต้นที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น
  4.2 ตัวแปรตาม คือ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนที่ได้เรียนเนื้อหาจาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์  
สรุปผลการค้นคว้า
  หนังสืออิเล็กทรอนิกส์    เรื่องกราฟิกเบื้องต้น  มีประสิทธิภาพเท่ากับ 90.92/96.67 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 80/80
 การอภิปรายผล
  การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะพัฒนาและหาประสิทธิภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์    เรื่องกราฟิกเบื้องต้น  ให้ได้ประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 จากผลการวิเคราะห์ข้อมูลสามารถอภิปรายได้ดังนี้
  จากผลการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่า หนังสืออิเล็กทรอนิกส์    เรื่องกราฟิกเบื้องต้น มีประสิทธิภาพเท่ากับ 90.92/96.67 ซึ่งเป็นไปตามสมมุติฐานของการวิจัยที่ได้ตั้งไว้  สอดคล้องกับวิจัยของ คลีเมนท์ (Clement,1993, quoted in Coutts and Hart,2009 : 19) ที่ได้พัฒนาซีดีรอมมัลติมีเดียวิชาศิลปะขึ้น และได้รับผลสำเร็จมากในการทดลอง  ซึ่งข้อค้นพบนี้สอดคล้องกับการวิจัยของเกษมศรี พรหมภิบาล (2543 :บทคัดย่อ) ที่ได้ศึกษาผลของการสอนวิชาการออกแบบ 1 ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน  โดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์กราฟิก  พบว่าผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเป็นไปตามสมมุติฐานที่ตั้งไว้  และสอดคล้องกับกาการวิจัยของบาร์กเกอร์และกิลเลอร์  ที่ได้ศึกษาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์แบบมัลติมีเดียแบบปฏิสัมพันธ์เพื่อการสอนภาษาฝรั่งเศสเปรียบเทียบกับการสอนวิธีอื่นๆซึ่งได้รับผลเป็นที่น่าพอใจ  นอกจากนั้น  ศิริยงค์ ฉัตรโท (2539 : บทคัดย่อ) ได้สรุปในงานวิจัยของเขาว่า  การสร้างสื่อนำเสนอแบบอินเตอร์แอคทีฟ แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
  หากจะมาวิเคราะห์กันว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์  เรื่องกราฟิกเบื้องต้นมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 จะได้ว่า
  ประการที่ 1 มีการใช้ตัวอักษรและพื้นหลังที่เหมาะสม  กล่าวคือ ในส่วนของเนื้อหา ผู้วิจัยได้ใช้ตัวอักษร เจ เอส จินดารา ขนาด 20 พอยน์ ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับตัวอักษร Anssana UPC สามารถอ่านง่าย  สบายตา
  ประการที่ 2 ผู้วิจัยได้มีการจัดหน้าจอให้อยู่ในแนวทางเดียวกัน  เพื่อป้องกันมิให้ผู้อื่นเกิดความสับสน  โดยมีหน้าจอ 2 รูปแบบ คือหน้าจอปกติและหน้าจอไฮเปอร์เท็กซ์  ซึ่งมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน
  ประการที่ 3 ได้มีการออกแบบบทเรียนในลักษณะที่มีการเชื่อมโยงแบบไฮเปอร์เท็กซ์ทำให้บทเรียนไม่น่าเบื่อ  ผู้เรียนจะต้องมีการปฏิสัมพันธ์กับบทเรียนอย่าสม่ำเสมอ  ทำให้เกิดความกระตือรือร้นในการเรียน (ถนอมพร เลาหจรัสแสง,2541 : 62)
  ประการที่ 4 ในการออกแบบหนังสืออิเล็กทรอนิกส์  เรื่องกราฟิกเบื้องต้น  ผู้วิจัยได้ออกแบบอยู่บนพื้นฐานจิตวิทยาแรงจูงใจ  โดยใช้ไฮเปอร์เท็กซ์และแบบทดสอบเป็นแรงจูงใจในการเรียน  จาดพื้นฐานการอยากรู้อยากเห็นของมนุษย์ ก่อให้เกิดการกระตุ้นให้เกิดการอยากรู้โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีสิ่งที่แนะ (cue) ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมต่างๆ ขึ้น (ธีรพงษ์ วิริยานนท์,2543 : 46; มาลินี จุฑะรพ,2539 : 138; ไพบูลย์ เทวรักษ์,2537 : 113-115;โสภา ชูพิกุลชัย,2521 : 56-62)
  จากหลักการดังกล่าวข้างต้น  ประกอบกับขั้นตอนการพัฒนาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์  อย่างมีระบบ  ตั้งแต่การศึกษาวิเคราะห์หลักสูตรเนื้อหาวิชา 263-201 เทคโนโลยีการศึกษา การเขียนแผนการสอน  การจัดทำสตอรีบอร์ด  และการตรวจสอบจากอาจารย์ที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญรวมไปถึงแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่ผ่านการตรวจสอบความสอดคล้องระหว่างข้อสอบกับจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม  ค่าความยากง่าย  และค่าอำนาจจำแนกแล้ว  ทำให้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เรื่องกราฟิกเบื้องต้น  ที่สร้างขึ้นมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 สามารถนำไปประกอบการเรียนการสอนในรายวิชา  263-201 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 ข้อเสนอแนะ
 1. ข้อเสนอแนะจากการวิจัย
  1.1 การสร้างหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่มีจำนวนหน้ามากๆด้วยโปรแกรม Adobe Acrobat จะมีจำนวนการเชื่อมโยง (Link) มากตามไปด้วย  ทำให้เสียเวลาค่อนข้างมาก  และเกิดการผิดพลาดได้ง่ายจึงควรสร้างเป็นเทมเพลท ที่เชื่อมโยงกันไว้เรียบร้อยแล้ว  โดยเลือกการสร้างแบบ EXECUTE MENU ITEM เมื่อใช้งานจริงให้ใช้คำสั่ง DOCUMENT REPLACE PAGES เพื่อแทนที่เทมเพลทที่สร้างไว้  จะทำให้ประหยัดเวลาลงได้มาก
  1.2 เครื่องคอมพิวเตอร์ที่จะใช้เปิดหนังสืออิเล็กทรอนิกส์  หากมีโปรแกรม Adobe Acrobat 5 อยู่ควรถอนโปรแกรม (Uninstll) ออกก่อน  แล้ว Restat เครื่องใหม่ก่อนที่จะลงโปรแกรม Adobe Acrobat 4 gเพื่อความสมบูรณ์ของโปรแกรม
2. ข้อเสนอแนะสำหรับการวิจัยครั้งต่อไป
  2.1 ควรมีการวิจัยเปรียบเทียบรูปแบบการบันทึกใจความสำคัญในรูปแบบต่างๆได้แก่  การทำเครื่องหมายลงบนใจความสำคัญโดยตรง, การให้ผู้เรียนคัดลอกหรือพิมพ์ใจความสำคัญลงในโปรแกรม (NOTEPAD) และการคัดลอกลงกระดาษ  เป็นต้น  ว่าจะส่งผลต่อการเรียนรู้ของผู้เรียนหรือไม่
  2.2 ควรมีการเปลี่ยนสื่อที่ใช้ในการวิจัยหนังสือเรียนอิเล็กทรอนิกส์จากซีดีรอมไปเป็นอินเตอร์เน็ตบ้าง





บรรณานุกรม
กรมวิชาการ.  2534.  เอกสารเพื่อการพัฒนาหนังสือ อันดับ 1 การพัฒนาสื่อการเรียนการสอน
         กรุงเทพฯ : การศาสนา กรมการศาสนา.
กระทรวงศึกษาธิการ.  นโยบายและแผนการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม.  2542.
 พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542. กรุงเทพฯ : พริกหวาน.
กิดานันท์  มลิทอง.  2542. สรรค์สร้างหน้าเว็บและงานกราฟิกบนเว็บ. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ชัยยงศ์  พรหมวงศ์.  2537.  ประมวลสาระชุดวิชาเทคโนโลยีและสื่อสารการสอน.  กรุงเทพฯ :
 มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
ไชยยศ  เรืองสุวรรณ.  2533.  เทคโนโลยีการศึกษา : ทฤษฎีและการวิจัย.  กรุงเทพฯ : โอเดียนสโตร์.
ถนอมพร  เลาหจรัสแสง.  2541.  คอมพิวเตอร์ช่วยสอน.  กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ประชิด  ทินบุตร.  2530.  การออกแบบกราฟิค.  กรุงเทพฯ : โอ.เอส.พริ้นติ้ง เฮาส์.
เปรื่อง  กุมุท.  2537.  ประมวลสาระชุดวิชาเทคโนโลยีและสื่อสารการสอน. กรุงเทพฯ :
 มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
วงพงศ์  วรชาติอุดมพงศ์.  2538.  บทความรู้ทางการออกแบบพาณิชยศิลป์ ออกแบบกราฟิก.
 กรุงเทพฯ : รุ่งเรืองสาส์น.
ศิริพงศ์  พยอมแย้ม.  2537.  เทคนิคงานกราฟิก.  กรุงเทพฯ : โอ.เอส.พริ้นติ้ง เฮาส์.
สุนทร  โคตรบรรเทา, ผู้แปล.  2522.  ถนนสู่การอ่าน : วิธีการอ่านอย่างฉลาดและเทคนิคการอ่านแบบต่าง ๆ.
 กรุงเทพ ฯ : ต้นอ้อ แกรมมี่.
โสภา  ชูพิกุลชัย.  2521.  จิตวิทยาทั่วไป.  กรุงเทพ ฯ : ไทยวัฒนาพานิช.

ภาคผนวก ก
แบบประเมินคุณภาพหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เรื่อง กราฟิกเบื้องต้น
คำชี้แจง  แบบประเมินนี้ใช้สำหรับการตรวจคุณภาพบทเรียนหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เรื่อง กราฟิกเบื้องต้น กรุณาทำเครื่องหมาย   ลงในช่องที่ตรงกับความคิดเห็นของท่าน
ระดับการประเมิน
 ดีมาก หมายถึง  นำเสนอได้สมบูรณ์ทุกองค์ประกอบ ตรงตามวัตถุประสงค์ของบทเรียน ส่งเสริมการเรียนรู้ได้อย่างดี
 ดี หมายถึง  นำเสนอได้ตามองค์ประกอบ ตรงตามวัตถุประสงค์ของบทเรียน ส่งเสริมการเรียนรู้ได้อย่างดี ผู้เรียนรู้เกิดทักษะการเรียนรู้
 ปานกลาง หมายถึง  นำเสนอได้ตามองค์ประกอบ ตรงตามวัตถุประสงค์ของบทเรียน ส่งเสริมการเรียนรู้ได้ดี มีข้อบกพร่องบ้าง แต่ไม่เป็นประเด็นสำคัญ และไม่เป็นผลเสียต่อการเรียนรู้ของผู้เรียน
 พอใช้ หมายถึง  นำเสนอได้ตามองค์ประกอบ ตรงตามวัตถุประสงค์ของบทเรียน ส่งเสริมการเรียนรู้ได้ดี มีข้อบกพร่องค่อนข้างมาก ซึ่งอาจส่งผลต่อการเรียนรู้ของผู้เรียน
 ควรปรับปรุง หมายถึง  นำเสนอได้ตามองค์ประกอบ  แต่ยังไม่สมบูรณ์ครบถ้วน และมีบกพร่องที่มีผลเสียต่อการเรียนรู้ของผู้เรียน และ/หรือ ไม่ส่งเสริมการเรียนรู้ตามวัตถุประสงค์ของบทเรียน
รายการ ระดับการประเมิน
 ดีมาก ดี ปานกลาง พอใช้ ควรปรับปรุง
1. ส่วนนำของบทเรียน
    1.1  เร้าความสนใจ
    1.2  ให้ข้อมูลพื้นฐานที่จำเป็นครบถ้วน
(วัตถุประสงค์, เมนูหลัก, ส่วนช่วยเหลือ, ปุ่มบอกทิศทาง ฯลฯ)   
รายการ ระดับการประเมิน
 ดีมาก ดี ปานกลาง พอใช้ ควรปรับปรุง
2.  เนื้อหาของบทเรียน
     2.1  โครงสร้างของเนื้อหาชัดเจน มีความกว้าง ความลึก
     2.2  สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่ต้องการจะนำเสนอ
     2.3  ผู้เรียนเรียนแล้วสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้
     2.4  มีความสัมพันธ์ต่อเนื่องกันในเนื้อหา
     2.5  ระดับความยากง่ายเหมาะสมกับผู้เรียน   
3.  การใช้ภาษา
     ใช้ภาษาถูกต้อง สื่อความหมายได้ชัดเจนเหมาะสมกับวัยผู้เรียน   
4.  การออกแบบการสอน
     4.1  ออกแบบด้วยระบบตรรกะที่ดี เนื้อหามีความสัมพันธ์ต่อเนื่อง
     4.2  ความยาวของการนำเสนอแต่ละหน่วยเหมาะสม
     4.3  กลยุทธ์ในการถ่ายทอดเนื้อหา การเน้นส่วนสำคัญต่างๆ ที่น่าสนใจ
     4.4  มีกลยุทธ์การประเมินผลให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้อย่างเหมาะสม มีความหลากหลาย และปริมาณเพียงพอที่สามารถตรวจสอบความเข้าใจบทเรียน   
   
รายการ ระดับการประเมิน
 ดีมาก ดี ปานกลาง พอใช้ ควรปรับปรุง
5.  ส่วนประกอบด้านมัลติมีเดีย (Multimedia)
     5.1  ออกแบบหน้าจอเหมาะสม ง่ายต่อการสัดส่วน เหมาะสม สวยงาม
     5.2  ลักษณะของขนาด สี ตัวอักษรชัดเจน, สวยงาม, อ่านง่าย  เหมาะสมกับระดับผู้เรียน
     5.3  ภาพกราฟิกเหมาะสม ชัดเจน สอดคล้องกับเนื้อหา และมีความสวยงาม มีความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบและสร้างภาพ   
6.  การออกแบบปฏิสัมพันธ์
     6.1  ออกแบบปฏิสัมพันธ์ให้โปรแกรมใช้งานได้ง่าย สะดวก
     6.2  มีการโต้ตอบกับผู้เรียนอย่างสม่ำเสมอ
     6.3  การควบคุมเส้นทางการดำเนินบทเรียนชัดเจน ถูกต้อง ตามหลักเกณฑ์ และสามารถย้อนกลับไปยังจุดต่างๆ ได้ง่าย   
ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น